วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

Posted by Unknown on 07:16 with No comments
องค์ประกอบของดนตรีไทย
1.เสียงของดนตรีไทย
      เสียงดนตรีไทยประกอบด้วยระดับเสียง 7 เสียง แต่ละเสียงมีช่วงห่างเท่ากันทุกเสียง เสียงดนตรีไทย แต่ละเสียงเรียกชื่อแตกต่างกันไป ในดนตรีไทยเรียกระดับเสียงว่า “ทาง” ในที่นี้ ก็คือ ระดับเสียงของเพลงที่บรรเลงซึ่งกำหนดชื่อเรียกเป็นที่หมายรู้กันทุกๆเสียง  จำแนกเรียงลำดับขึ้นไปทีละเสียง
 2. จังหวะของดนตรีไทย 
      “จังหวะ”   มีความหมายถึงมาตราส่วนของระบบดนตรีที่ดำเนินไปในช่วงของการบรรเลงเพลงอย่างสม่ำเสมอ เป็นตัวกำหนดให้ผู้บรรเลงจะต้องใช้เป็นหลักในการ    บรรเลงเพลง
จังหวะของดนตรีไทยจำแนกได้   3 ประเภท คือ    
      1. จังหวะสามัญ หมายถึงจังหวะทั่วไปที่นักดนตรียึดเป็นหลักสำคัญในการบรรเลงและขับร้องโดยปกติจังหวะสามัญที่ใช้กันในวงดนตรีจะมี  3 ระดับ คือ 
                                  จังหวะช้า                 ใช้กับเพลงที่มีอัตราจังหวะ   สามชั้น 
                                  จังหวะปานกลาง     ใช้กับเพลงที่มีอัตราจังหวะ   สองชั้น 
                                  จังหวะเร็ว                ใช้กับเพลงที่มีอัตราจังหวะ   ชั้นเดียว
      2. จังหวะฉิ่ง หมายถึง  จังหวะที่ใช้ฉิ่งเป็นหลักในการตี โดยปกติจังหวะฉิ่งจะตี “ฉิ่ง…ฉับ” สลับกันไปตลอดทั้งเพลง แต่จะมีเพลงบางประเภทตีเฉพาะ “ฉิ่ง” ตลอดเพลงบางเพลงตี “ฉิ่ง  ฉิ่ง  ฉับ” ตลอดทั้งเพลง หรืออาจจะตีแบบอื่นๆ ก็ได้  จังหวะฉิ่งนี้นักฟังเพลงจะใช้เป็นแนวในการพิจารณาว่าช่วงใดเป็นอัตราจังหวะสามชั้น สองชั้น หรือ ชั้นเดียวก็ได้ เพราะฉิ่งจะตีเพลงสามชั้นให้มีช่วงห่างตามอัตราจังหวะของเพลง  หรือ ตีเร็วกระชั้นจังหวะ ในเพลงชั้นเดียว
  1  2  3  4  1  2  3  4  1  2  3  4  1  2  3  4
 สามชั้น  _  _  _  _  _  _  _  ฉิ่ง   _  _  _  _  _  _  _  ฉับ 
 สองชั้น _  _  _  ฉิ่ง _  _  _  ฉับ _  _  _  ฉิ่ง _  _  _  ฉับ
 ชั้นเดียว _ ฉิ่ง _ ฉับ _ ฉิ่ง _ ฉับ _ ฉิ่ง _ ฉับ _ ฉิ่ง _ ฉับ
      3. จังหวะหน้าทับ หมายถึงเกณฑ์การนับจังหวะที่ใช้เครื่องดนตรีประเภทเครื่องตี
ประเภทหนังซึ่งเลียนเสียงการตีมาจาก “ทับ”  เป็นเครื่องกำหนดจังหวะ
เครื่องดนตรีเหล่านี้ ได้แก่ ตะโพน กลองแขก สองหน้า โทน - รำมะนา หน้าทับ
3. ทำนองดนตรีไทย 
      ลักษณะทำนองเพลงที่มีเสียงสูงๆ ต่ำๆ สั้นๆ ยาวๆ สลับ คละเคล้ากันไป ตามจินตนาการของคีตกวีที่ประพันธ์  บทเพลงซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้เหมือนกันทุกชาติภาษาจะมีความแตกต่างกันตรงลักษณะประจำชาติที่มีพื้นฐานทางสังคม วัฒนธรรม ไม่เหมือนกันเช่น เพลงของอเมริกัน อินโดนีเซีย อินเดีย จีน ไทย  ย่อมมีโครงสร้างของทำนองที่ แตกต่างกัน  ทำนองของดนตรีไทยประกอบด้วยระบบของเสียง  การเคลื่อนที่ของเสียงความยาว  ความกว้างของเสียง และระบบหลักเสียงเช่นเดียวกับทำนองเพลงทั่วโลก
      1. ทำนองทางร้อง  เป็นทำนองที่ประดิษฐ์เอื้อนไปตามทำนองบรรเลงของเครื่องดนตรีและมีบทร้องซึ่งเป็นบทร้อยกรอง ทำนองทางร้องคลอเคล้าไปกับทำนองทางรับหรือร้องอิสระได้ การร้องนี้ต้องถือทำนองเป็นสำคัญ 
      2. ทำนองการบรรเลง หรือทางรับ เป็นการบรรเลงของเครื่องดนตรีในวงดนตรีซึ่งคีตกวีแต่งทำนองไว้สำหรับบรรเลง ทำนองหลักเรียกลูกฆ้อง “Basic Melody” เดิมนิยมแต่งจากลูกฆ้องของฆ้องวงใหญ่ และแปรทางเป็นทางของเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ ดนตรีไทยนิยมบรรเลงเพลงในแต่ละท่อน 2 ครั้งซ้ำกัน ภายหลังได้มีการแต่งทำนองเพิ่มใช้บรรเลงในเที่ยวที่สองแตกต่างไปจากเที่ยวแรกเรียกว่า “ทางเปลี่ยน”
4. การประสานเสียง 
      เป็นการทำเสียงดนตรีพร้อมกัน 2 เสียง พร้อมกันเป็นคู่ขนานหรือเหลื่อมล้ำกันตามลีลาเพลงก็ได้ 
             1. การประสานเสียงในเครื่องดนตรีเดียวกัน เครื่องดนตรีบางชนิดสามารถบรรเลงสอดเสียงพร้อมกันได้  โดยเฉพาะทำเสียงขั้นคู่   (คู่2  คู่3  คู่4  คู่5  คู่6  และ คู่7) 
             2. การประสานเสียงระหว่างเครื่องดนตรี คือ การบรรเลงดนตรีด้วยเครื่องดนตรีต่างชนิดกัน สุ้มเสียง และความรู้สึกของเครื่องดนตรีเหล่านั้น ก็ออกมาไม่เหมือนกัน แม้ว่าจะบรรเลง เหมือนกันก็ตาม
            3.การประสานเสียงโดยการทำทาง  การแปรทำนองหลักคือ ลูกฆ้อง “Basic Melody” ให้เป็นทำนองของเครื่องดนตรีแต่ละชนิดเรียกว่า “การทำทาง” ทางของเครื่องดนตรี(ทำนอง)แต่ละชนิดไม่เหมือนกันดังนั้นเมื่อบรรเลงเป็นวงเครื่องดนตรีต่างเครื่องก็จะบรรเลงตามทางหรือทำนองของตน โดยถือทำนองหลักเป็นสำคัญของการบรรเลง




ข้อมูลจาก.....http://pirun.ku.ac.th/~b521110058/Templates/ongprakob.html

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ยอดนิยม

บทความทั้งหมด

Copyright © เครื่องดนตรี สากล ไทย | Powered by Blogger
Design by Carolina Nymark | Blogger Theme by NewBloggerThemes.com