ดนตรีไทยมีเอกลักษณ์ประจําชาติซึ่งจะพิจารณาได้ ๓ ประการคือ

1.วัสดุที่สร้าง
เครื่องดนตรีของทุกๆชาติในยุคเริ่มแรกก็มักจะใช้วัสดุที่มีอยู่ในถิ่นของตนมาสรรค์์สร้างขึ้นแล้วจึงค่อยวิวัฒนาการต่อไป ภูมิประเทศของไทยตั้งแต่สมัยโบราณนั้นอุดมไปด้วยไม้ไผ่ ไม้เนื้อแข็ง หนังและกระดูกสัตว์ที่ใช้งานและใช้เนื้อเป็นอาหาร เครื่องดนตรีของไทยมักจะสร้างจากสิ่งเหล่านี้โดยมาก เช่น
ซอด้วง ขั้นแรกกระบอก ซอด้วงก็ใช้ทําด้วยไม้ไผ่แล้วเปลี่ยนเป็นไม้เนื้อแข็ง ต่อมาคนไทยมาอยู่ในตอนใต้ลงไปและใช้ช้างเป็นพาหนะและใช้แรงงาน กระบอกซอด้วงจึงทําด้วยงาช้างซึ่งเป็นสิ่งที่สวยงามมาก
ซออู้ ซอสามสาย กะโหลกนั้นทำด้วยกะลามะพร้าวซึ่งอุดมมากในดินแดน ของไทยตอนใต้นี้
ระนาด ของไทยแม้จะมาเริ่มใช้เอาในตอนหลังก็ยังทําด้วยไม้ไ่ผ่่ซึ่งมีเสียงไพเราะนุ่มนวลกว่าทําด้วยไม้เนื้อแข็งมาก เพราะไม้ไผ่บงในจังหวัดตราดทําลูกระนาดมีเสียงไพเราะดีไม่มีที่ไหนสู้ ต่างกับระนาดของชาติใกล้เคียงที่ทําด้วยไม้เนื้อแข็งที่มีเสียงกระด้างกว่า
กลอง ตัวกลองทําด้วยไม้เนื้อแข็งและขึงหน้าด้วยหนังสัตว์ เฉพาะกลองที่ขึงหนังสองหน้าตรึงด้วยหมุดที่เราเรียกกันว่า “กลองทัด” นั้นจีนได้เอาอย่างไปใช้แล้วเรียกชื่อว่า “น่านตังกู๊” ซึ่งแปลว่า “กลองของชาวใต้”
ฆ้อง ทั้งฆ้องโหม่งฆ้องวงทําด้วยทองเหลือง ซึ่งชาวไทยเราสามารถในเรื่องหล่อทองเหลืองมากยิ่งกว่าชาติอื่นในถิ่นแถบนี้
2.รูปร่างลักษณะ
ในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ รูปร่างลักษณะที่จะเห็นว่างดงามนั้น ย่อมเป็นไปตามจิตใจ นิสัยและสัญชาตญาณที่เห็นงามของชาตินั้นๆ ชนชาติไทยป็นผู้ที่มีจิตใจและนิสัยอ่อนโยนมีเมตตากรุณายิ้มแย้มแจ่มใส ศิลปะต่างๆของไทยจึงมักจะเป็นรูปที่เป็นเส้นโค้งอ่อนช้อยที่จะหักมุม ๔๕ องศานั้นน้อยที่สุด และทุกๆสิ่งมักจะเป็นปลายเรียวแหลม ขอให้พิจารณาดูศิลปะต่างๆของไทยเพื่อเปรียบเทียบ เช่น บ้านไทย จั่วและปั้นลมอ่อนช้อยจนถึงปลายเรียวแหลม ช่อฟ้าใบระกาของปราสาทราชวังและโบสถ์วิหารล้วนแต่อ่อนช้อย่น่าชมสมส่วน ลายไทยซึ่งเต็มไปด้วย กระหนกต่างๆ กระหนกทุกตัวจะเป็นเส้นโค้งอ่อนสลวยและสะบัดสะบิ้ง จนถึงปลายแหลม เครื่องแต่งตัวละครรําเป็นละครของไทยแท้มีมงกุฎและชฎาเรียวและยอดแหลม อินทรธนูที่ประดับบ่าก็โค้งและปลายแหลม
ท่ารําของละครแขนและมือเมื่อจะงอหรือจะเหยียดล้วนเป็นเส้นโค้งตลอดจนปลายนิ้วมือซึ่งอ่อนช้อยน่าดูมาก
ทีนี้มาดูลักษณะรูปร่างของเครื่องดนตรีไทย โทน ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ส่วนสัดเป็นเส้นโค้งและมีปลายแหลมทั้งนั้น โขนของฆ้องวงใหญ่และฆ้องเล็ก
โอนสลวยขึ้นไป คล้ายหลังคาบ้านไทยส่วนโขนของคันซอด้วงที่เรียกว่า “ทวนบน” ก็โค้งอ่อนขึ้นไปจนปลายคล้ายกับโขนเรือพระราชพิธีของไทยโบราณนี่คือรูปลักษณะของดนตรีไทย
ในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ รูปร่างลักษณะที่จะเห็นว่างดงามนั้น ย่อมเป็นไปตามจิตใจ นิสัยและสัญชาตญาณที่เห็นงามของชาตินั้นๆ ชนชาติไทยป็นผู้ที่มีจิตใจและนิสัยอ่อนโยนมีเมตตากรุณายิ้มแย้มแจ่มใส ศิลปะต่างๆของไทยจึงมักจะเป็นรูปที่เป็นเส้นโค้งอ่อนช้อยที่จะหักมุม ๔๕ องศานั้นน้อยที่สุด และทุกๆสิ่งมักจะเป็นปลายเรียวแหลม ขอให้พิจารณาดูศิลปะต่างๆของไทยเพื่อเปรียบเทียบ เช่น บ้านไทย จั่วและปั้นลมอ่อนช้อยจนถึงปลายเรียวแหลม ช่อฟ้าใบระกาของปราสาทราชวังและโบสถ์วิหารล้วนแต่อ่อนช้อย่น่าชมสมส่วน ลายไทยซึ่งเต็มไปด้วย กระหนกต่างๆ กระหนกทุกตัวจะเป็นเส้นโค้งอ่อนสลวยและสะบัดสะบิ้ง จนถึงปลายแหลม เครื่องแต่งตัวละครรําเป็นละครของไทยแท้มีมงกุฎและชฎาเรียวและยอดแหลม อินทรธนูที่ประดับบ่าก็โค้งและปลายแหลม
ท่ารําของละครแขนและมือเมื่อจะงอหรือจะเหยียดล้วนเป็นเส้นโค้งตลอดจนปลายนิ้วมือซึ่งอ่อนช้อยน่าดูมาก
ทีนี้มาดูลักษณะรูปร่างของเครื่องดนตรีไทย โทน ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ส่วนสัดเป็นเส้นโค้งและมีปลายแหลมทั้งนั้น โขนของฆ้องวงใหญ่และฆ้องเล็ก
โอนสลวยขึ้นไป คล้ายหลังคาบ้านไทยส่วนโขนของคันซอด้วงที่เรียกว่า “ทวนบน” ก็โค้งอ่อนขึ้นไปจนปลายคล้ายกับโขนเรือพระราชพิธีของไทยโบราณนี่คือรูปลักษณะของดนตรีไทย
3.เสียงของดนตรีไทย
เครื่องดนตรีไทยที่สร้างขึ้นนั้นล้วนแต่มีเจตนาให้ไพเราะแต่ว่าเป็นเสียงไพเราะ อย่างนุ่มนวลอ่อนหวานไม่เอะอะหรือเกรี้ยวกราด ซึ่งเป็นไปตามลักษณะนิสัยของชนชาติไทย เสียงซอ เสียงขลุ่ย เสียงปี่ เสียงฆ้อง และเสียงพิณ ล้วนเป็นสิ่งที่มีเสียงนุ่มนวล มีกังวานไพเราะอย่างอ่อนหวาน แม้จะมีสิ่งที่มีเสียงดังมาก เช่น กลองทัดผสมอยู่บางเวลาก็เป็นสิ่งจําเป็น โดยการบรรเลงเพลงที่มีกลองนั้นมักจะเป็นเพื่อโฆษณาให้ผู้ที่อยู่ไกลได้ยินได้รู้กิจกรรมที่กระทํา อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นเจตนาของผู้สร้างเครื่องดนตรีไทยว่าต้องการความไพเราะอย่างนุ่มนวลไม่แกร่งกร้าวก็คือการที่จะเทียบเสียงระนาดและฆ้องวงให้มีเสียงสูงต่ำ ตามประสงค์นั้นได้ใช้ขี้ผึ้งผสมกับผงตะกั่วเป็นเครื่องถ่วงเสียงสําหรับระนาด จะติดขี้ผึ้งตรงเบื้องล่างหัวลูกระนาดด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้าน ส่วนฆ้องวงจะติดขี้ผึ้งตรงใต้ปุ่มฆ้องผลของการติดด้วยขี้ผึ้งผสมผงตะกั่วนี้ยิ่งติดมาก ก็ยิ่งทําให้เสียงต่ำ ถ้าเอาออกก็จะเป็นเสียงสูง นอกจากทําให้เสียงสูงต่ำแล้วยังจะทําให้สิ่งที่เทียบด้วยติดขี้ผึ้งนี้มีเสียงนุ่มนวลไพเราะไม่โฉ่งฉ่าง ฆ้องที่ทําสําเร็จเป็นเสียงสูงต่ำตามต้องการโดยไม่ต้องติดขี้ผึ้งกับผงตะกั่วนั้น
เสียงจะแกร่งกร้าวไม่นุ่มนวล เช่น ฆ้องของพม่าและชวา เป็นต้น แต่ในสมัยปัจจุบันได้มีการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมระหว่างประเทศ แลกเปลี่ยนความรู้ ความบันเทิงกัน เมื่อเครื่องดนตรีของไทยที่มีระนาดเอกและฆ้องวงต้องไปบรรเลงในประเทศที่มีอากาศ หนาว ความเย็น อาจจะทําให้ขี้ผึ้งกับผงตะกั่วที่ถ่วงเสียงนั้นหลุดได้ง่าย ซึ่งเป็นอุปสรรคแก่การบรรเลงเป็นอันมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ต่อไปอาจต้องยอมให้เสียงดนตรีขาดความนุ่มนวลลงไปโดยสร้างระนาดและฆ้องวงที่สําเร็จรูปมีเสียงสูงต่ำตามประสงค์ โดยไม่ต้องติดขี้ผึ้งถ่วงเสียงก็เป็นได้
เครื่องดนตรีไทยที่สร้างขึ้นนั้นล้วนแต่มีเจตนาให้ไพเราะแต่ว่าเป็นเสียงไพเราะ อย่างนุ่มนวลอ่อนหวานไม่เอะอะหรือเกรี้ยวกราด ซึ่งเป็นไปตามลักษณะนิสัยของชนชาติไทย เสียงซอ เสียงขลุ่ย เสียงปี่ เสียงฆ้อง และเสียงพิณ ล้วนเป็นสิ่งที่มีเสียงนุ่มนวล มีกังวานไพเราะอย่างอ่อนหวาน แม้จะมีสิ่งที่มีเสียงดังมาก เช่น กลองทัดผสมอยู่บางเวลาก็เป็นสิ่งจําเป็น โดยการบรรเลงเพลงที่มีกลองนั้นมักจะเป็นเพื่อโฆษณาให้ผู้ที่อยู่ไกลได้ยินได้รู้กิจกรรมที่กระทํา อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นเจตนาของผู้สร้างเครื่องดนตรีไทยว่าต้องการความไพเราะอย่างนุ่มนวลไม่แกร่งกร้าวก็คือการที่จะเทียบเสียงระนาดและฆ้องวงให้มีเสียงสูงต่ำ ตามประสงค์นั้นได้ใช้ขี้ผึ้งผสมกับผงตะกั่วเป็นเครื่องถ่วงเสียงสําหรับระนาด จะติดขี้ผึ้งตรงเบื้องล่างหัวลูกระนาดด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้าน ส่วนฆ้องวงจะติดขี้ผึ้งตรงใต้ปุ่มฆ้องผลของการติดด้วยขี้ผึ้งผสมผงตะกั่วนี้ยิ่งติดมาก ก็ยิ่งทําให้เสียงต่ำ ถ้าเอาออกก็จะเป็นเสียงสูง นอกจากทําให้เสียงสูงต่ำแล้วยังจะทําให้สิ่งที่เทียบด้วยติดขี้ผึ้งนี้มีเสียงนุ่มนวลไพเราะไม่โฉ่งฉ่าง ฆ้องที่ทําสําเร็จเป็นเสียงสูงต่ำตามต้องการโดยไม่ต้องติดขี้ผึ้งกับผงตะกั่วนั้น
เสียงจะแกร่งกร้าวไม่นุ่มนวล เช่น ฆ้องของพม่าและชวา เป็นต้น แต่ในสมัยปัจจุบันได้มีการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมระหว่างประเทศ แลกเปลี่ยนความรู้ ความบันเทิงกัน เมื่อเครื่องดนตรีของไทยที่มีระนาดเอกและฆ้องวงต้องไปบรรเลงในประเทศที่มีอากาศ หนาว ความเย็น อาจจะทําให้ขี้ผึ้งกับผงตะกั่วที่ถ่วงเสียงนั้นหลุดได้ง่าย ซึ่งเป็นอุปสรรคแก่การบรรเลงเป็นอันมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ต่อไปอาจต้องยอมให้เสียงดนตรีขาดความนุ่มนวลลงไปโดยสร้างระนาดและฆ้องวงที่สําเร็จรูปมีเสียงสูงต่ำตามประสงค์ โดยไม่ต้องติดขี้ผึ้งถ่วงเสียงก็เป็นได้
ข้อมูลจาก........http://pirun.ku.ac.th/~b521110058/Templates/eakkaluk.html
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น