วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

Posted by Unknown on 04:38 with No comments
                ฟลูต (อังกฤษflute) เป็นเครื่องดนตรีสากลประเภทเครื่องเป่าลมไม้ ซึ่งแตกต่างจากเครื่องเป่าลมประเภทอื่น ๆ ที่กำเนิดเสียงจาดการสั่นสะเทือนของลิ้น ฟลูต กำเนิดเสียงจากการผิวของลม ลักษณะเสียงของฟลูตจะมีความไพเราะ นุ่มนวล อ่อนหวาน


ประวัติ[แก้]

ฟลูต เป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีแรก ๆ ของโลก ฟลูตที่เป่าตามแนวนอนพบครั้งแรกที่ประเทศจีนเมื่อ 900 ปีก่อน ค.ศ. ฟลูตได้ไปถึงยุโรปเมื่อราวปี ค.ศ. 1100 ฟลูตในช่วงปี ค.ศ. 1700 นั้นผลิตจากไม้และมีคีย์ 1-4 คีย์ ในศตวรรษที่ 19 จำนวนคีย์ได้เพิ่มเป็น 8 คีย์
ในปี ค.ศ. 1832 ผู้ผลิตเครื่องดนตรีชาวเยอรมันชื่อ Theobald Boehm ได้คิดค้นระบบการวางนิ้วของฟลูตใหม่ และเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ผลิตจากไม้เป็นโลหะ ทำให้ฟลูตสามารถเรียนรู้ได้ง่ายยิ่งขึ้นและเสียงเจิดจ้าขึ้น ระบบเดียวกันนี้ยังถูกนำไปประยุกต์ใช้กับ โอโบ คลาริเน็ต และแซกโซโฟนด้วย

ประเภทของฟลูต[แก้]

ฟลูตมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับแหล่งที่มา, โดยพื้นฐานแล้วฟลูตก็คือ ท่อปลายเปิดที่ถูกเป่าให้มีเสียง (เหมือนการเป่าขวด) เมื่อมีความต้องการการเครื่องดนตรีที่มีความสามารถมากขึ้น ได้ทำให้เกิดการพัฒนาจนเกิด ฟลูตตะวันตก ซึ่งมีกลุ่มของแป้นกดที่มีความซับซ้อน
ฟลูตถูกแบ่งเป็นหลายประเภท โดยส่วนใหญ่ผู้เล่นจะเป่าไปที่ขอบของฟลูตเพื่อให้เกิดเสียง อย่างไรก็ตาม ฟลูตบางประเภทอย่างเช่น ขลุ่ย, นกหวีด จะมีท่อนำลมไปยังขอบ ซึ่งทำให้ง่ายต่อการเล่น แต่จะทำให้ไม่สามารถควบคุมลักษณะของเสียงได้เช่นเดียวกับการผิว โดยปรกติแล้ว ขลุ่ยจะไม่ถูกเรียกว่าฟลูต ถึงแม้ว่ากายภาพ วิธีการ และเสียง จะคล้ายกับฟลูตก็ตาม
การแบ่งประเภทอีกแบบหนึ่งก็การแบ่งระหว่าง การเป่าด้านข้าง (Transverse) และการเป่าจากส่วนบน
กลุ่มหลัก ๆ ของฟลุตประกอบไปด้วย ปิคโคโล คอนเสิร์ทฟลุต อัลโตฟลุต เบสฟลุต คอนทราเบสฟลุต ซึ่งแต่ละชนิดจะมีช่วงของเสียงแตกต่างกัน ปิคโคโลจะมีเสียงสูงกว่าฟลูต ไป 1 คู่แปด แต่การเขียนโน้ตจะเขียนเช่นเดียวกับคอนเสิร์ตฟลูต อัลโตฟลูตจะให้เสียง G (โซ) ซึ่งต่ำกว่า C (โด) กลาง เสียงสูงที่สุดที่อัลโตฟลูตจะเล่นได้คือ G (โซสูง) อยู่บนเสี้นที่ 4 เหนือบรรทัด 5 เส้น เบสฟลูตจะให้เสียงต่ำกว่าคอนเสิร์ตฟลูตอยู่ 1 คู่แปด เป็นฟลูตที่ไม่ค่อยถูกนำมาเล่น มีทั้ง ฟลูตเสียงสูง ที่ให้เสียง G (โซ) ที่ให้เสียงสูงกว่า อัลโตฟลูตอยู่ 1 คู่แปด, โซปราโนฟลูต, เทเนอร์ฟลูต ฯลฯ โดยฟลูตที่มีขนาดแตกต่างจาก ฟลูต และ ปิคโคโล บางครั้งจะถูกเรียกว่า ฮาร์โมนีฟลูต

วัสดุที่ใช้ทำฟลูต[แก้]

  • นิเกิล ใช้ทำฟลูตระดับนักเรียน หรือสำหรับผู้หัดเล่น ฟลูตทำจากวัสดุประเภทนี้จะมีราคาถูก มีการตอบสนองต่อการสั่นสะเทือนต่ำ ให้เสียงที่ทึบ
  • นิเกิล-ซิลเวอร์ เกิดจากการนำทองแดงผสมนิเกิล และโลหะอื่นๆอีกเล็กน้อยตามที่ผู้ผลิตต้องการ โลหะชนิดนี้ไม่มีเงินผสมอยู่ แต่มีสีเหมือนเงิน จึงเรียกว่านิเกิล-ซิลเวอร์ และมักถูกเคลือบด้วยเงินอีกชั้น ฟลูตชนิดนี้ให้เสียงที่สว่าง การตอบสนองดี ราคาสูงกว่าแบบนิเกิล
  • เงิน (Silver, Stiring Silver) ให้การตอบสนองและการโปรเจกต์เสียงที่ดีกว่านิเกิ้ลซิลเวอร์ ราคาแพงกว่าแบบนิเกิล-ซิลเวอร์มาก
  • ไม้
  • แก้ว
  • ทอง

ส่วนประกอบฟลูต[แก้]

  • Headjoint หรือที่เรียกว่าปากเป่า เป็นตัวกำเนิดเสียง ประกอบด้วยส่วนต่างๆดังนี้
    • Reflector อยู่ด้านในสุดของรูเป็นตัวสร้างเสียง
    • Lip Plate เป็นส่วนวางปาก ซึ่งบน Lip Plate จะมีปากเป่า (Embouchure) เป็นส่วนให้ผู้เล่นผิวลมเข้าไป
    • Crown เป็นส่วนที่อยู่บนสุดของฟลูต สามารถหมุนออกเพื่อปรับ Refector ได้
  • Body เป็นส่วนควบคุมเสียง โดยมีส่วนคีย์และกลไกในการเล่น อาจจะมีกลไกเพิ่มเติมเช่น
    • E Mechanism
  • Foot คือส่วนหางมี 2 ประเภทคือ C Foot และ B Foot โดยฟลุตที่เป็น C Foot จะเล่นเสียงต่ำสุดได้คือ Middle C และฟลุตที่เป็น B Foot จะเล่นเสียงต่ำสุดได้คือเสียง B (ต่ำกว่า Middle C ครึ่งเสียง) ฟลูตที่เป็น B Foot จะราคาแพงกว่า ยาวกว่า และหนักกว่า C Foot
Posted by Unknown on 04:37 with No comments
              กลองชุด (อังกฤษDrum kit) เป็นเครื่องดนตรีประเภทตีกระทบ ประกอบด้วยตัวกลองและฉาบจำนวนหลายใบ และใช้"ไม้กลอง"เพื่อตีควบคุมจังหวะ กลองชุดเป็นเครื่องดนตรีที่มีเสียงหนักแน่น สามารถเพิ่มพลังให้กับบทเพลงได้หลากหลายแนว เช่น ร็อก , บลูส์ , ป็อป , ฟังก์ , ดิสโก้ และ แจ๊ส เป็นต้น กลองชุดเป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก

ส่วนประกอบ

เครื่องดนตรีในกลองชุด ประกอบด้วย
  • กลองเล็ก หรือ สะแนร์ดรัม (Snare drum) ประกอบด้วยแผงลวดขึงรัดผ่านผิวหน้ากลองด้านล่าง เพื่อให้เกิดเสียงกรอบ ๆ ดังแต๊ก ๆ ตัวกลองทำด้วยไม้หรือโลหะ และสามารถรัดให้หนังตึงด้วยขอบไม้ด้านบนและล่าง สามารถปลดสายสะแนร์เพื่อให้เกิดเสียงทุ้มดังตุ้มตุ้มได้ และตีกลองเล็กด้วยไม้ นิยมใช้กลองชนิดนี้ทั้งในวงดุริยางค์และวงดนตรี มักจะถูกตีในจังหวะที่ 2 และจังหวะที่ 4 ของทุกๆ " 1 ห้อง " ของเพลงนั้นๆ
  • กลองทอม (Tom-tom drum) หรือ เทเนอร์ดรัม (Tenor drum) มีขนาดใหญ่กว่าสะแนร์ดรัม เป็นกลองชนิดที่สร้างขึ้นโดยไม่ใช้สายสะแนร์ โดยทั่วไปบรรเลงในหมวดกลอง ใช้ไม้ชนิดหัวไม้หุ้มสักหลาด มักถูกใช้ในการตีลูกส่ง และช่วยในการโซโล่ ของกลอง
  • กลองใหญ่ หรือ กลองเบส (Bass drum) เป็นกลองที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ประกอบด้วยตัวกลองที่ทำด้วยไม้และมีหนังกลองทั้งสองด้าน เสียงที่เกิดจากการตีกลองใหญ่จะไม่ตรงกับระดับเสียงที่กำหนดไว้ทางตัวโน้ต ตีด้วยไม้ที่มีสักหลาดหุ้ม ชนิดที่มีหัวที่ปลายทั้งสองข้าง ใช้เพื่อทำเสียงรัว มักจะถูกตีในจังหวะที่ 1 และจังหวะที่ 3 ของทุกๆ " 1 ห้อง " ของเพลงนั้นๆ
  • กลองทิมปานี (หรือกลองเค็ทเทิ้ลดรัม) เป็นกลองที่มีลักษณะเป็นหม้อกระทะ ซื่งมีหน้าหนังกลองหุ้มทับอยู่ด้านบน เป็นกลองชนิดเดียวที่ขึ้นเสียงแล้วได้ระดับเสียงที่แน่นอน เมี่อคลายหรือขันหน้ากลองโดยใม่ว่าจะใช้วิธีขันสกรูหรือเหยียบเพดดัล (ที่เหยียบ) ก็ไดั ไม้ที่ใช้ตีมีการหุ้มนวมตรงหัวไม้ตี ตีได้ทั้งเป็นจังหวะและรัว
  • ฉาบ หรือ ซิมบาลส์ (Cymbals) เป็นฉาบที่มีขนาดใหญ่เล็กน้อย ใช้ตีเพื่ออัดพลังความหนักแน่นให้กับลูกส่ง และการโซโล่ของกลอง เพื่อเป็นการสร้างสีสันให้กับตัวเพลง โดยส่วนใหญ่แล้ว ในการควบคุมจังหวะให้กับเพลง ไม่ว่าเพลงแนวใดก็ตาม การตีซิมบาลส์นั้น มักจะเป็นการตีลงไปหนึ่งครั้ง ในบาง " 1 ห้อง " และการตีซิมบาลส์นั้น มักจะไม่เป็นการตีอย่างต่อเนื่องไปตลอดและพรํ่าเพรื่อมากนัก
  • ฉาบไฮแฮ็ท (Hi-hat) เป็นฉาบขนาดกลางสองใบในแนวเดียวกัน สามารถถูกทำให้อ้าออก และ ประกบเข้ากันได้ ด้วยคันเหยียบซึ่งอยู่ทางด้านล่างสุดของตัวเสาแขวนฉาบไฮแฮ็ท โดยทั่วไปแล้ว ไฮแฮ็ทและตัวเสาแขวนจะอยู่ทางด้านซ้ายมือของกลองเล็ก ใช้ตีต่อเนื่องเพื่อบอกและควบคุมจังหวะทั้งหมดภายใน " 1 ห้อง " ของเพลงนั้นๆ ตลอดจนจบเพลง
Posted by Unknown on 04:35 with No comments
แมนโดลิน (อังกฤษMandolin) เป็นเครื่องดนตรีตระกูลลูท มีสาย 4 คู่ (8 สาย) หรือ 6 คู่ (12 สาย) ตั้งเสียงเท่ากันเป็นคู่ มีลูกบิดคล้ายกีตาร์ใช้ในการตั้งเสียง และมีนม (Feat) รองรับสาย เวลาเล่นจะใช้นิ้วมือซ้ายจับตัวแมนโดลินและใช้มือขวาดีด ลักษณะการดีดคล้ายการดีดกีตาร์โดยใช้พิค (Pick) เสียงที่เกิดจากแมนโดลินมีความไพเราะเป็นเสียงที่มีคุณภาพ เร้าอารมณ์ได้ดีโดยเฉพาะอารมณ์โศกเศร้าเกี่ยวกับความรัก แมนโดลินมีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอิตาลี เป็นเครื่องดนตรีที่ชาวอิตาเลียนนิยมแพร่หลายกัน ในปี ค.ศ. 1713 ได้มีผู้นำเอาแมนโดลินมาเล่นผสมในวงคอนเสิร์ตในประเทศอังกฤษ

FlatironA5.jpg
Posted by Unknown on 04:33 with No comments



ฮาร์ป (harp) หรือ พิณ คือเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายของตะวันตกมีเสียงเกิดขึ้นจากการใช้นิ้วดีด สายเสียงของเครื่องดนตรีนี้ปกติแล้วมี 47 สาย และที่เหยียบเพดดัล 7 อัน เพดดัลแต่ละอันจะควบคุมสายเสียงแต่ละชุด เช่น เพดดัล อันหนื่งจะบังคับสายเสียง C ทั้งหมดและอีกอันหนื่งจะบังคับสายเสียง D ทั้งหมด ฮาร์ปเป็นเครื่องดนตรีเก่าแก่ชนิดหนึ่งที่มีการกล่าวถึงตั้งแต่ราว 3,000 ปีก่อนคริสตกาล ที่มาของเครื่องดนตรีชิ้นนี้น่าจะมาจากประเทศไอยคุปต์เพราะตามภาพฝาผนังใต้สุสานของประเทศไอยคุปต์ที่เห็นจะมีรูปคนดีดพิณชนิดนี้อยู่เยอะมาก
ฮาร์ป คือเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายซึ่งแตกต่างจากเครื่องสายประเภทอื่นๆ คือ การขึงของสายจะไม่ผ่านกล่องเสียง (Sounding Board) เหมือนเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ เช่น กีตาร์, ไวโอลิน หรือเปียโน โครงสำหรับขึงสายมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมโค้งงอเล็กน้อยเพื่อให้เกิดความสวยงาม ปกติจะเล่นด้วยการดีดที่สาย คุณภาพเสียงของ ฮาร์ปมีความแจ่มใสกว่าเสียงของเปียโน ใช้แสดงความสดชื่นแจ่มใส
Posted by Unknown on 04:31 with No comments
               ดับเบิลเบส (Double bass) มีชื่อเรียกหลายชื่อเช่น สตริงเบส (String Bass) คอนทราเบส (Contra Bass) เบสวิโอล (Bass Viol) ดับเบิลเบสเป็นเครื่องดนตรีที่ที่นิยมเล่นใน วงออร์เคสตรา และ วงเครื่องสาย ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากโลกตะวันตก เป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีตระกูลไวโอลิน อันประกอบไปด้วยไวโอลิน วิโอล่า เชลโล และ ดับเบิลเบส มีความสูงมาตรฐานประมาณ 74 นิ้ว ดับเบิ้ลเบสเป็นเครื่องดนตรีเพียงชิ้นเดียวที่อาจจะกล่าวได้ว่ามีความสัมพันธ์กับซอวิโอล (Viol) อย่างแท้จริง โดยสืบทอดมาจาก Violone ซอวิโอลขนาดใหญ่ (Big Viol) ซึ่งเล่นในช่วงเสียง 16 ช่วงเสียง (เสียงของมันจะต่ำกว่าโน้ตที่เขียน 1 ช่วงเสียง)


ดับเบิลเบส

ในศตวรรษที่ 18 ดับเบิ้ลเบสมักจะถูกใช้ในฐานะเครื่องดนตรี 16 ช่วงเสียงในวงเครื่องลม แต่ในปัจจุบันดับเบิ้ลเบสได้รับการยอมรับในฐานะของวงออร์เคสตร้าเครื่องลมและวงดนตรีแจ๊ส วงดนตรีแจ๊สมาตรฐาน 17 ชิ้นในยุคทศวรรษที่ 1930 หรือ 1940 มักจะบรรจุดับเบิ้ลเบสเอาไว้ในวง นอกจากนั้นยังมีแซกโซโฟน เปียโน กีตาร์ เบส และกลอง ปัจจุบันดับเบิ้ลเบสมักจะบรรเลงด้วยเทคนิค Pizzicato แต่บางครั้งจะใช้เทคนิคการตบเบส ซึ่งสายเบสจะไปกระทบกับฟิงเกอร์บอร์ด และขยับจากการเล่นทำนองเพียงอย่างเดียวไปเป็นนักเดี่ยวดับเบิ้ลเบสของดนตรีแจ๊สตามแบบของมันเอง
นักดับเบิ้ลเบสแจ๊สในยุคแรกๆ เช่น John Lindsay และ ‘Pop’ Foster หรือในชื่อจริงคือ (Murphy Foster) ทั้งคู่แสดงอยู่ในวงของ Louis Armstrong ในช่วงทศวรรษที่ 1930 ส่วน Walter Page และ Charles Mingus คือนักดับเบิ้ลเบสที่โดดเด่นในทศวรรษที่ 1940 และนักดับเบิ้ลเบสรุ่นหลังๆ เช่น Ron Carter ประสบความสำเร็จในการใช้ Piccolo bass ขนาดเล็ก และยังได้เขียนตำราการเล่นดับเบิ้ลเบสในแบบแจ๊สขึ้นอีกด้วย
Gary Karr นักดับเบิ้ลเบสชาวอเมริกันซึ่งเกิดในตระกูลนักดับเบิ้ลเบส เขาประสบผลสำเร็จในการเชื่อมโลกดนตรีคลาสสิกและแจ๊สเข้าด้วยกัน ในฐานะนักดนตรีวงออร์เคสตร้าเขาปรากฏตัวร่วมกับวงดนตรีแชมเบอร์ระดับโลกหลายวง แต่ความสนใจของเขาได้ขยายไปสู่การเล่นเบสในบทเพลงร่วมสมัย และทำให้เขาได้รับมอบหมายให้ประพันธ์ผลงานเพลงอีกหลายบท
Posted by Unknown on 04:30 with No comments
                 เชลโล เป็นเครื่องดนตรีที่มีรูปร่างที่นิยมเล่นใน วงออร์เคสตรา และ วงเครื่องสาย ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากโลกตะวันตก เป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีตระกูลไวโอลิน อันประกอบไปด้วยไวโอลิน วิโอล่า เชลโลและ ดับเบิลเบส เชลโลเป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายที่ได้รับความนิยมเช่นเดียวกับไวโอลิน มีโน้ตเพลงที่เขียนไว้สำหรับเชลโลโดยเฉพาะอยู่หลายบทเพลง แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยม[ต้องการอ้างอิง] ถึงอย่างไรก็ตามยังมีการเล่นเชลโลกับดนตรีประเภทแจ๊ส บลูส์ ป๊อป ร็อก ฯลฯ


เชลโล

ประวัติ

Cello คือชื่อย่อของ Violoncello ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีในตระกูลเครื่องสายที่มีความโค้งมนเช่นเดียวกับไวโอลินและวิโอล่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เชลโลมีพัฒนาการของรูปทรงที่หลากหลายกว่าจะเป็นดังเช่นที่เห็นในปัจจุบัน และต้องใช้เวลานานกว่าจะเป็นที่ยอมรับในฐานะเครื่องดนตรีสำหรับการแสดงเดี่ยว
หลายคนเชื่อว่า เชลโล มีที่มาจากคำว่า Viol ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด เชลโลเริ่มปรากฏขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ในยุคบารอค จากเครื่องสายในตระกูลไวโอลิน ในขณะที่เครื่องดนตรีต่างๆ ที่มีรูปทรงคล้ายไวโอลินในสมัยนั้นมีแพร่หลายอยู่แล้ว เช่น ซอ Viol และ Rebec แต่ไวโอลินเป็นตระกูลเครื่องสายที่แยกออกมาจากเครื่องดนตรีเหล่านั้น
ในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมาเชลโลมีการเปลี่ยนแปลงขนาดมาโดยตลอด แต่องค์ประกอบโดยทั่วไปแล้วแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย Antonio Stradivari เป็นช่างทำไวโอลินคนแรกที่กำหนดขนาดมาตรฐานของเชลโลสมัยใหม่ขึ้น เชลโลในยุคก่อนๆ นั้นมีขนาดความยาวประมาณ 80 ซม. ซึ่งไม่สะดวกต่อการเล่นเท่าใดนัก จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1707 เขาใด้ปรับขนาดเชลโลให้สั้นลงเหลือเพียง 75 ซม. ซึ่งทำให้เล่นได้สะดวกขึ้น
Posted by Unknown on 04:25 with No comments
วิโอลา เป็นเครื่องดนตรีในตระกูลเครื่องสายที่มีรูปร่างคล้ายไวโอลิน แต่มีขนาดที่ใหญ่กว่า นิยมเล่นใน วงออร์เคสตรา และ วงเครื่องสาย ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากโลกตะวันตก เป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีตระกูลไวโอลิน อันประกอบไปด้วยไวโอลิน วิโอล่า เชลโล และ ดับเบิลเบส โดยวิโอลามีระดับเสียงต่ำกว่า ไวโอลิน แต่สูงว่าเชลโลและดับเบิลเบส


วิโอลา

โครงสร้างวิโอล่า

วิโอลามีโครงสร้างเช่นเดียวกับไวโอลิน ดังนี้
  • หัววิโอลิน (Scroll)
  • โพรงลูกบิด (Pegbox)
  • คอ (Neck)
  • สะพานวางนิ้ว หรือ ฟิงเกอร์บอร์ด (Fingerboard)
  • (Upper Bout)
  • เอว (Waist)
  • ช่องเสียง (F-holes)
  • หย่อง (Bridge)
  • (Lower Bout)
  • ตัวปรับเสียง (Fine Tuners)
  • หางปลา (Tailpiece)
  • ที่รองคาง (Chinrest)
วิโอล่าจะตั้งสายเป็น C-G-D-A ซึ่งต่ำกว่าไวโอลินที่เป็น G-D-A-E ปัจจุบันวิโอล่าก็ยังคงมีขนาดที่หลากหลายมากที่สุดในบรรดาเครื่องดนตรีในตระกูลเดียวกัน เพื่อให้การสะท้อนเสียงสมบูรณ์แบบเช่นเดียวกับไวโอลิน วิโอล่าจำเป็นต้องลดขนาดความยาวลงอีกครั้งหนึ่ง ผลของการประนีประนอมดังกล่าว ทำให้วิโอล่ามีขนาดความยาวอยู่ที่ 38 ถึง 45 ซม. ทำให้บทบาทของวิโอล่าในฐานะที่เป็นเครื่องดนตรีแสดงเดี่ยว ช้ากว่าไวโอลินและเชลโลซึ่งเป็นเครื่องดนตรีในตระกูลเดียวกัน

ยอดนิยม

บทความทั้งหมด

Copyright © เครื่องดนตรี สากล ไทย | Powered by Blogger
Design by Carolina Nymark | Blogger Theme by NewBloggerThemes.com